จากรวันดา ถึงราชประสงค์… สงครามกลางเมืองอีกแล้วหรือ?

จากรวันดา ถึงราชประสงค์… สงครามกลางเมืองอีกแล้วหรือ? โพสต์ทูเดย์ วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2553 Section B ต่างประเทศ หน้า B4 สถานการณ์การเมืองไทยในขณะนี้ที่เต็มไปด้วยการใช้กำลังความรุนแรง การสูญเสียเลือดเนื้อ และการเผชิญกันอย่างชัดเจนของคู่กรณีของสีต่างๆ ในสังคม กำลังเข้าสู่ภาวะที่เปราะบางและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง หลายฝ่ายทั้งนักวิชาการไทยและเทศ ต่างแสดงความวิตกกังวลถึงความขัดแย้งดังกล่าวอาจจะลุกลามพัฒนาไปสู่ภาวะ “สงครามกลางเมือง” หรือสงครามที่คนในชาติเดียวกันลุกขึ้นมารบราฆ่าฟัน และมุ่งหมายจะเอาชีวิตกันเอง ย้อนกลับไปในอดีต สงครามกลางเมืองคงไม่ใช่สิ่งที่ผิดประหลาด หรือไม่เคยเกิดขึ้น หากแต่ว่าสงครามกลางเมืองเป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นมาโดยตลอดในประวัติศาสตร์ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เกิดความขัดแย้งทางความคิดและอุดมการณ์ขึ้น จนกระทั่งพัฒนาไปเป็นความเกลียดชังระหว่างคนในชาติ สงครามกลางเมืองครั้งที่ถือได้ว่าสร้างความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งคงหนีไม่พ้น “สงครามกลางเมืองในรวันดา” อันเป็นความขัดแย้งระหว่างสองชนเผ่า คือ ฮูตู กับ ทุตซี ซึ่งในที่สุดพัฒนาไปเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และเป็นเหตุให้ประชาชนชาวรวันดาถูกสังหารไปนับล้านคนในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น สาเหตุของความขัดแย้งที่พัฒนาไปเป็นสงครามกลางเมืองในรวันดาเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่รวันดายังเป็นอาณานิคมอยู่ภายใต้การปกครองของเบลเยียม ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว เบลเยี่ยมจัดการปกครองรวันดาโดยให้ชนเผ่าทุตซี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ร่ำรวย มีการศึกษาดี เป็นนักรบ แต่เป็นคนส่วนน้อยของประเทศได้ทำหน้าที่ในการปกครองประเทศ ในขณะเดียวกันเบลเยียมก็กลับปฏิบัติกับชาวฮูตู ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่เยี่ยงพลเมืองชั้นสองของประเทศ การกระทำดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจกับชนเผ่าฮูตู และทำให้เกิดความรู้สึกบ่มเพาะในกลุ่มชาวฮูตู ว่าตนในฐานะเจ้าของประเทศจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ชนเผ่าของตนได้กลับมาปกครองประเทศ เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างสองชนเผ่าเริ่มขึ้นอีกครั้ง ภายหลังจากที่เบลเยียมประกาศให้เอกราชแก่รวันดา และทำให้ชาวฮูตูเข้าไปมีอำนาจเป็นรัฐบาลปกครองรวันดา ในช่วงปี 2533 […]

Continue Reading