I love this quote
The Second Lie Tag has 3 bits for DNA DNA 000 to 111 Human 0 BOT 1 for Source and Destination The third bit is common ISOC 0 ZOOM 1 Source : Who owns the internet? MouiJust say.More Posts – Website Follow Me:
Continue Reading
Moui.Net – Written from the Heart
Time is so long, Life is so short
The Second Lie Tag has 3 bits for DNA DNA 000 to 111 Human 0 BOT 1 for Source and Destination The third bit is common ISOC 0 ZOOM 1 Source : Who owns the internet? MouiJust say.More Posts – Website Follow Me:
Continue Reading
Black-list of 200 red cyber-warriors disclosed. Jakrapob and Giles still convey information through websites in Europe. PM orders for control. In a cabinet meeting, ICT Minister Chuti Krairoek reported about a publicity of websites containing lèse majesté contents. He said that Jakrapob Penkair and Giles Ungpakorn are still active in conveying information through websites in […]
Continue Reading
มาพูดถึงบะจ่างสักนิด มีอ้างในวิกิพีเดียด้วย http://bit.ly/dnqbEM บะ จ่าง ดั้งเดิมคือสิ่งที่ชาวบ้านห่ออาหารขึ้นมาแล้วโยนลงไปในน้ำ เพื่อมิให้ปลามันไปแทะศพของ ชวีหยวน เพราะ ชวีหยวน ได้รับยกย่องว่าเป็นคนรักชาติ ชวี หยวน เป็นข้าราชการในแคว้นหนึ่งของจีน (ที่เมื่อก่อนมีสารพัดแคว้น) เขาก็พยายามจะบอกกษัตริย์ว่า อย่าให้ข้าราชการกังฉินโกงกินจะสิ้นชาติ แต่ฮ่องเต้หาใส่ใจไม่ กลับขับไล่ให้ชวีหยวนพ้นจากตำแหน่งไป ชวีหยวนช้ำใจแต่ก็ยอมเชื่อฟังคำสั่งฮ่องเต้ แต่มาแคว้นก็ล่มสลาย ชวี หยวนรู้ว่าตัวเองช่วยชาติไม่ได้ ด้วยความเสียใจ จึงไปกระโดดน้ำตาย (ด้วยความรักชาติ) ชาวบ้านที่รู้ถึงความรักชาติของชวีหยวนก็ออกมาหาศพ แต่ ก็หาไม่เจอ จึงทำช่วยกันห่อบะจ่างขึ้นมา แล้วโยนลงไปในน้ำ เพื่อล่อให้ปลามาแทะบะจ่างแทนศพชวีหยวน และทำเป็นประเพณีนี้สืบทอดติดต่อกันมา ชวี หยวนฆ่าตัวตายตอนเดือน 5 วันที่ 5 ฉะนั้นทุกวันนั้น จึงถือว่าเป็นวันของคนรักชาติ การไหว้บะจ่างที่ต่อมาเป็นอาหารนั้น เป็นการไหว้ให้ชวีหยวน แต่เป็นนัยยะว่า เพื่อระลึกถึงคนรักชาติที่ยอมตายเพราะช่วยชาติไม่ได้ ส่วนคนถิ่นอื่น เช่น แต้จิ๋ว ไหหลำ ฮกเกี้ยน ก็ไหว้บะจ่าง .. แต่ธรรมเนียมไหว้จ่างก็เพี้ยนไปเป็นการไหว้เจ้า แต่จริงๆ ไม่ใช่ เป็นการไหว้ถึงคนรักชาติ […]
Continue Reading
สมัยยังวัยรุ่น ตามอ่านนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ ของคุณ ว.วินิจฉัยกุล มาตลอด เรียกได้ว่าติดงอมแงม ไล่เล่มมาแทบทุกเรื่อง มีอยู่ series หนึ่ง เป็น series ที่เกี่ยวกับ การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ค่ะ จะมีสองชุด (ชุดละสองเล่ม) คือ สายโลหิต และ ญาติกา สองเรื่องนี้จะเป็นตอนต่อกันและกัน ถ้าใครเป็นแฟนหนังสือ ว.วินิจฉัยกุล จะรู้ดีว่า ว.วินิจฉัยกุล เป็นนามแฝงชื่อหนึ่งของ รศ.ดร.คุณหญิง วินิตา ดิถียนต์ (นามแฝงดังอีกชื่อคือ แก้วเก้า) อ.วินิตา หรือ ว.วินิจฉัยกุล เมื่อเขียนหนังสือ ก็มักจะยกคำกลอน คำคม บทกวี ฯลฯ มาประกอบในงานเขียนเสมอๆ ด้วยเกรงว่า คนรุ่นใหม่จะไม่ซาบซึ้งหรืออ่านกลอน บทกวีเหล่านั้นไม่เข้าใจดีพอ อาจารย์เมื่อยกกลอนดังกล่าวมาอ้างในหนังสือ ก็จะพยายามอธิบายเป็นร้อยแก้วประกอบเสมอๆ ในหนังสือ สายโลหิต นั้น เป็นตอนก่อนกรุงศรีฯ จะแตก ในช่วงนั้นบ้านเมืองปราศจากความสามัคคี แตกคอกัน ไม่เป็นระส่ำระสาย […]
Continue Reading
There is the new phishing scheme to fool the Facebook user. The purpose remains the same, that is, to obtain the username and password. Here how they do. This is the advertisement. Then, your address is required. Here you will have to fill in your username and password. Bingo, they get your personal information. Please […]
Continue Reading
This blog is telling about Ban Kai where I visited this afternoon to view the changes after craskdown last week. By the way, I wrote it in Thai and initially I intended to tweet to my twibbles to read. Here is my achieve tweets for my memorizing to all Thais who were facing the same […]
Continue Reading
จากรวันดา ถึงราชประสงค์… สงครามกลางเมืองอีกแล้วหรือ? โพสต์ทูเดย์ วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน 2553 Section B ต่างประเทศ หน้า B4 สถานการณ์การเมืองไทยในขณะนี้ที่เต็มไปด้วยการใช้กำลังความรุนแรง การสูญเสียเลือดเนื้อ และการเผชิญกันอย่างชัดเจนของคู่กรณีของสีต่างๆ ในสังคม กำลังเข้าสู่ภาวะที่เปราะบางและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง หลายฝ่ายทั้งนักวิชาการไทยและเทศ ต่างแสดงความวิตกกังวลถึงความขัดแย้งดังกล่าวอาจจะลุกลามพัฒนาไปสู่ภาวะ “สงครามกลางเมือง” หรือสงครามที่คนในชาติเดียวกันลุกขึ้นมารบราฆ่าฟัน และมุ่งหมายจะเอาชีวิตกันเอง ย้อนกลับไปในอดีต สงครามกลางเมืองคงไม่ใช่สิ่งที่ผิดประหลาด หรือไม่เคยเกิดขึ้น หากแต่ว่าสงครามกลางเมืองเป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นมาโดยตลอดในประวัติศาสตร์ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เกิดความขัดแย้งทางความคิดและอุดมการณ์ขึ้น จนกระทั่งพัฒนาไปเป็นความเกลียดชังระหว่างคนในชาติ สงครามกลางเมืองครั้งที่ถือได้ว่าสร้างความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งคงหนีไม่พ้น “สงครามกลางเมืองในรวันดา” อันเป็นความขัดแย้งระหว่างสองชนเผ่า คือ ฮูตู กับ ทุตซี ซึ่งในที่สุดพัฒนาไปเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และเป็นเหตุให้ประชาชนชาวรวันดาถูกสังหารไปนับล้านคนในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น สาเหตุของความขัดแย้งที่พัฒนาไปเป็นสงครามกลางเมืองในรวันดาเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยที่รวันดายังเป็นอาณานิคมอยู่ภายใต้การปกครองของเบลเยียม ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว เบลเยี่ยมจัดการปกครองรวันดาโดยให้ชนเผ่าทุตซี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนที่ร่ำรวย มีการศึกษาดี เป็นนักรบ แต่เป็นคนส่วนน้อยของประเทศได้ทำหน้าที่ในการปกครองประเทศ ในขณะเดียวกันเบลเยียมก็กลับปฏิบัติกับชาวฮูตู ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่เยี่ยงพลเมืองชั้นสองของประเทศ การกระทำดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจกับชนเผ่าฮูตู และทำให้เกิดความรู้สึกบ่มเพาะในกลุ่มชาวฮูตู ว่าตนในฐานะเจ้าของประเทศจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ชนเผ่าของตนได้กลับมาปกครองประเทศ เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างสองชนเผ่าเริ่มขึ้นอีกครั้ง ภายหลังจากที่เบลเยียมประกาศให้เอกราชแก่รวันดา และทำให้ชาวฮูตูเข้าไปมีอำนาจเป็นรัฐบาลปกครองรวันดา ในช่วงปี 2533 […]
Continue Reading
Get every new post delivered to your Inbox
Join other followers
You must be logged in to post a comment.