From Homeless to Harvard – เรื่องของเด็กเร่ร่อนที่สู้ชีวิตจนจบ ฮาร์วาร์ด ด้วยเกียรตินิยม

Blog Children Education

เรื่องราวที่ดราม่ามาก จากเด็กที่โตมากับแม่ติดเหล้า พ่อไม่เอาไหน กลายเป็นเด็กถูกทิ้ง โชคดีอย่างเดียวที่เธอมี คือ เธอมีโรงเรียนที่ดี ครูที่ช่วยเหลือเอาใจใส่ และคนในชุมชนที่เป็นกำลังใจให้ ให้ที่พักแบ่งปันอาหาร และเธอพิสูจน์ความเป็นนักสู้ด้วยความไม่ย่อท้อ ทำงานพิเศษเก็บขยะ หารายได้เสริม นอกเหนือจากทุนการศึกษาที่เธอได้รับจากมหาวิทยาลัย – จนสุดท้าย บันไดสู่ความสำเร็จ ก็มาถึง

บอกไม่ได้ว่า สาว ดอว์น ลอกกินส์ หัวใจเธอทำด้วยอะไร แต่เธอต้องมีหัวใจแบบที่เรียกว่า Heart of Gold แน่ๆ ที่ทำให้เธอมาสู่ความสำเร็จในชีวิตได้แบบนี้

น่ายินดี ที่สาวน้อยผู้นี้ เกิดมาในชุมชนที่เอื้ออำนวยให้เธอเอาชนะอุปสรรคได้ด้วยตนเอง ยินดีกับเธอด้วย

เรื่องราวชีวิตของสาวน้อยผู้อาภัพผู้นี้ ถูกถ่ายทอดเป็นหนังสั้น เผยแพร่ทาง Youtube ให้เข้าชมได้ตั้งแต่ปี 2009 เมื่อตอนที่เธอกำลังจะก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัย และวันนี้เมื่อมาดูซ้ำ เธอจึงสมควรที่จะได้รับ Standing ovation เมื่อเธอก้าวขึ้นรับใบปริญญาบัตรจากมหาวิทยาลัยจริงๆ

ข่าวรับปริญญา : Harvard-bound homeless grad ‘overwhelmed’ by ovation

Dawn Loggins never gave up on her dreams, even when she was homeless. She heads to her dream school, Harvard, this fall. Watch her story, told by CNN’s Martin Savidge.

CNN’s Randi Kay talks to rising freshman Dawn Loggins about graduatnig and realizing her goal of attending Harvard.

Homeless to Harvard part 1

Homeless to Harvard part 2

Homeless to Harvard part 3

Homeless to Harvard part 4

Homeless to Harvard part 5

Homeless to Harvard part 6

Homeless to Harvard part 7

Homeless to Harvard part 8

Homeless to Harvard part 9


 

จากเด็กจรจัดไร้บ้าน
รับจ้างถูพื้นโรงเรียน
สู่รั้วมหาวิทยาลัยชื่อก้องโลก
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ด้วยเกียรตินิยม A รวดทุกวิชา

“เมื่อคุณมีความฝัน คุณสามารถบุกบั่นให้ฝันเป็นจริงได้ โดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่ตัวคุณเองเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะสร้างฝันของตัวคุณเองให้เป็นจริงขึ้นมาได้”

ที่โรงเรียนเบิร์นส์ไฮสกูล ในเมืองลอนเดล รัฐนอร์ธแคโรไลน่า สาวน้อยดอว์น ลอกกินส์ (Dawn Loggins) กำลังถูพื้นอย่างขมีขมัน เพื่อหารายได้จุนเจือการเรียน นอกเวลาเรียน ดอว์นต้องถูพื้นทั่วทั้งโรงเรียน ไม่เว้นแม้ห้องน้ำ ก่อนหน้านี้พ่อแม่เธอติดยา และได้หนีเธอไปทอดทิ้งเธอให้ไร้บ้าน ครูและชาวบ้านต้องบริจาคเสื้อผ้าและข้าวของจำเป็นให้เธอและหางานภารโรงที่โรงเรียนให้ เพื่อหารายได้ เธอถูพื้นทำความสะอาด อย่างไม่เคยบ่นรำพัน ซาบซึ้งที่มีงานหารายได้เล็กๆ น้อยๆ มาประทังชีวิตได้ ดอว์นเติบโตมาอย่างยากจนข้นแค้น บ่อยครั้งที่ไม่มีน้ำไฟให้ใช้ ไม่มีแสงสว่างที่จะทำการบ้านอ่านหนังสือได้ จนครูในโรงเรียนต้องหาเทียนไขให้เธอใช้ในยามค่ำมืด ด้วยเทียนไขนี้ เธออ่านหนังสือทำการบ้านอย่างหมั่นเพียรไม่เคยย่อท้อ จนผลการเรียนดีเด่น ได้รับเลือกให้เข้าค่ายศึกษาวิทยาศาสตร์ร่วม 6 สัปดาห์ ซึ่งเป็นค่ายวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนระดับยอดเยี่ยมของทั้งรัฐ

แต่ช่วงที่ที่เธอเข้าร่วมค่ายนี้เอง พอดีกับเป็นเวลาที่พ่อแม่ได้ทิ้งเธอไป เธอกลับบ้านมาพบว่าไม่มีใครอยู่บ้าน แถมมีประกาศติดไล่ที่จากเจ้าบ้าน ทำให้ดอว์นไร้บ้าน ขาดพ่อแม่

ภายหลังดอว์นได้ข่าวว่าพ่อแม่ย้ายหนีไปอยู่อีกรัฐหนึ่งเสียแล้ว เธอบอกว่า “ไม่เคยนึกคิดว่า พ่อเลี้ยงกับแม่จะทิ้งหนีหนูไปได้ง่ายๆ อย่างนั้น แต่หนูก็ไม่ได้นึกโกรธพ่อแม่นะ เขาคงคิดว่าได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้หนูแล้ว ความจริงหนูก็รู้ว่า ทั้งพ่อกับแม่มีปัญหาที่ต้องแก้ไขให้ได้ด้วยตัวเอง หนูรู้ว่าพ่อกับแม่รักหนู เพียงแต่แสดงออกเหมือนที่ชาวบ้านทั่วไปเขาทำกันไม่เป็นเท่านั้นเอง”

หลังจากนั้น เธอต้องระเหเร่ร่อน ไปนอนตามบ้านเพื่อน บางครั้งก็ต้องนอนกับพื้นบ้าน ในขณะนั้นเธอยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงต้องมีผู้ปกครองดูแลจนกว่าอายุจะครบ 18 ปี และเนื่องจากเธอเลือกที่จะไม่ตามไปอยู่กับพ่อแม่ที่ต่างรัฐ แต่เลือกที่จะอยู่กับเมืองนี้เพื่อเรียนหนังสือต่อไป ทำให้ทั้งชุมชนและบรรดาครูโรงเรียน รับหน้าที่เป็นผู้ปกครองของเธอกันทั่วหน้า และได้ขอให้คู่สามีภรรยาคนขับรถโรงเรียน ให้เธออาศัยพักที่บ้าน โดยครูต่างสมทบค่าใช้จ่ายให้ทุกเดือน ชีวิตเธอก็เริ่มเข้าที่เข้าทางโดยมีหลังคาคลุมหัว และมีงานพิเศษทำ เพื่อให้เรียนหนังสือต่อไปได้

ย่างเข้าปีสุดท้ายในไฮสกูล เธอตัดสินใจเด็ดขาดที่จะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เธอเลือกที่จะเดินบนทางที่ต่างจากพ่อและแม่”เมื่อเด็ก หนูได้มีโอกาสเห็นหนทางที่เลวร้าย ทั้งหลายอยู่ต่อหน้า ทั้งยาเสพติด ทั้งชีวิตที่เลือนลอย และสิ่งแย่ๆ อื่นๆ แต่หนูตัดสินใจแน่วแน่ว่า จะไม่เดินบนทางเหล่านั้นเด็ดขาด หนูรู้ว่าการศึกษา จะพาให้หนูพ้นจากวังวนเลวร้ายทั้งหลายได้ อาจมีคนมากมายที่โทษสิ่งแวดล้อมรอบตัวแต่หนูใช้สถานการณ์แย่ๆ พวกนั้น มาเป็นพลังใจ ที่จะผลักดันให้หนูหลุดพ้นออกมาให้ได้”

นอกจากที่ตั้งใจเรียนดีแล้ว เธอยังเลือกทำกิจกรรมต่างๆ เป็นประธานชมรมถ่ายรูป และริเริ่มทำโปรแกรมบริการสังคมเพื่อรวบรวมจดหมายเขียนให้กำลังใจทหารที่อยู่ประจำการในแนวรบ พร้อมทั้งเป็นสมาชิกสมาคมเกียรติยศแห่งชาติ และร่วมชมรมดุริยางค์ แล้วก่อนหน้านี้เธอยังวิ่งมาราธอนอีกด้วย

ในปีสุดท้ายในโรงเรียน เธอส่งใบสมัครเรียนไปมหาวิทยาลัยธรรมดา 4 แห่งภายในรัฐนอร์ธแคโรไลน่า และที่ ม.ฮาร์วาร์ด รวมเป็นแห่งที่ 5 ที่โรงเรียนของเธอ ตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียนมา ยังไม่เคยมีใครได้ไปเเรียนมหาวิทยาลัยระดับแนวหน้าสดุๆ ในอเมริกามาก่อนเลย ดอว์นก็เลยตัดสินใจท้าทายความเชื่อโดยส่งใบสมัครไปที่สุดยอดมหาวิทยาลัยในฝัน คือที่ ฮาร์วาร์ด ด้วย

ครูแลรี่ การ์ดเนอร์ ครูสอนวิชาประวัติศาสตร์เป็นคนเขียนจดหมายรับรอง ประกอบการสมัครเรียนที่ฮาร์วาร์ด เขาเขียนในจดหมายว่า “ข้าพเจ้าไม่ทราบจะหาสรรหาคำมาบรรยายในจดหมายรับรองนี้ได้อย่างไรให้ได้ดังใจคิด ข้าพเจ้าไม่เคยเขียนจดหมายรับรองฉบับใดเหมือนฉบับนี้มาก่อนเลย และคงไม่ได้เขียนอย่างนี้เป็นฉบับที่สองอีกแน่นอน

นักเรียนส่วนมาก เมื่อต้องเผชิญกับความยากลำบาก แม้เพียงเศษเสี้ยวของที่ดอว์นต้องประสบมา ก็คงท้อถอยยอมแพ้ไม่เป็นท่า แต่สาวน้อยผู้นี้ ที่แม้ต้องผ่านเหตุการณ์แสนสาหัส ต้องพบกับความหิวโซ ระเหเร่ร่อนไร้บ้านอยู่อาศัย และเผชิญความลำบากอีกนานัปการ แต่เธอก็ลุกขึ้นยืนผงาดเหนืออุปสรรคชีวิตทั้งปวงนั้น ยืนตระหง่านเป็นสตรีสาวน้อย ที่โดดเด่นเหนือหมู่คน”

เหตุการณ์ในเดือนต่อๆ มาเธอได้รับตำตอบรับเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยในรัฐนอร์ธแคโรไลน่าทั้ง 4 แห่ง เป็นจดหมายตอบรับที่แนบมาพร้อมกับเอกสารมหาวิทยาลัยอีกปีกใหญ่ๆ ทั้งสิ้น

แต่เมื่อมีจดหมายจากฮาร์วาร์ด กลับเป็นจดหมายบางๆ เพียงฉบับเดียว ไม่มีเอกสารอื่นแนบมาด้วยเลยซึ่งเป็นลักษณะจดหมายตอบปฏิเสธที่นักเรียนไม่อยากได้รับกันเลย เมื่อเปิดจดหมายออกอ่าน พบใจความว่า

“ถึงคุณดอว์น ลอกกินส์ ข้าพเจ้ามีความยินดีจะแจ้งให้ทราบว่า คณะกรรมการคัดเลือกนักศึกษาเข้าเรียน ได้ให้ข้าพเจ้ามาแจ้งว่า ท่านได้รับการคัดเลือกเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของเราแล้ว โดยปรกติทางมหาวิทยาลัยจะส่งสัญญาณมาบอกก่อนเวลาอันควรเช่นนี้ สำหรับนักเรียนที่โดดเด่นมากๆ เท่านั้น….” นอกจากจะได้รับเลือกเข้าเรียนแล้ว….เธอยังได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอีกด้วย

เมื่อเรื่องราวของเธอได้กลายเป็นข่าว “From Homeless to Harvard” เธอได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ WBTV ว่า “เมื่อคุณมีความฝัน คุณสามารถบุกบั่นให้ฝันเป็นจริงได้ โดยไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่ตัวคุณเองเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะสร้างฝันของตัวคุณเองให้เป็นจริงขึ้นมาได้”

นับแต่ที่เรื่องราวของเธอกลายเป็นข่าว มีผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจและได้ส่งกำลังใจมาให้เธอมากมาย มีผู้ส่งเงินสนับสนุนให้เธอมาด้วย ดอว์นบอกว่า ไม่ได้ต้องการเงินเหล่านั้น “เพราะเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย หนูได้ทุนค่าเล่าเรียน ค่าที่พักและอาหาร ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่นค่าตำราเรียน หนูสามารถหางานพิเศษทำเพื่อหาเงินมาได้”

เธอตั้งความหวังไว้ว่า จะสามารถจัดตั้งองค์กรการกุศลที่จะช่วยเหลือเด็กวัยรุ่นที่ประสบอุปสรรคขัดขวางการศึกษา โดยใช้เงินที่มีผู้บริจาคให้เธอมาเป็นทุนก่อตั้ง

“ยังมีเด็กอีกมากมายที่อนาคตยังมืดมน และพวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากกว่าหนูอีก หนูอยากให้พวกเขาได้ใช้เรื่องราวของหนูเป็นแรงจูงใจ และอยากให้ทำให้ผู้คนทั่วไปรับรู้ว่า ยังมีเด็กจรจัดไร้บ้านที่ต้องการความช่วยเหลืออยู่อีกมาก”

เมื่อวันที่ 7 มิย.2012 ที่ผ่านมา เป็นวันพิธีจบการศึกษาของโรงเรียน ตอนที่สาวน้อย ดอว์นเดินขึ้นรับประกาศนียบัตร เพื่อนนักเรียนทั้งโรงเรียน ต่างได้ลุกขึ้นยืน ปรบมือดังกึกก้องโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงความชื่นชมและให้เกียรติอย่างสูง แก่สาวน้อย-ดอว์น ลอกกิ้นส์ ผู้เด็ดเดี่ยวที่ทอฝันให้เป็นจริง

เราขอยืนขึ้นเพื่อปรบมือให้เธอ และขอส่งใจให้เธอจงสำเร็จสัมฤทธิ์ผล ในการสร้างสานฝัน ให้ตนเอง และให้โลกต่อไป….
by Hachapan Uachotikoon
(เรียบเรียงจากข่าว abc และ cnn)

ขอบคุณที่มา:
http://www.pantip.com/cafe/siam/topic/F12371878/F12371878.html

Moui

Just say.

More Posts - Website

Follow Me:
TwitterFacebookPinterest