ทีมการเมืองไทยรัฐ : การเมืองปี 53 “จากวิกฤติ-สู่กลียุค”

Blog
การเมืองปี 53 "จากวิกฤติ-สู่กลียุค" Pic_56365

ศักราช "วัวบ้า 2552" ร้างลากันไปเสียที 1 ปีเต็มๆกับอาการ เรี่ยราดไปด้วยความร้าวฉาน-แตกแยกเบิกบานแบ่งฝักแบ่งฝ่าย

ขั้ว "ประชาธิปัตย์" พลิกกลับมาจัดตั้งรัฐบาลท่ามกลางนิยาม "ทรยศเพื่อชาติ"

พรรค ร่วมรัฐบาลเดิม 5 พรรค "ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา-เพื่อแผ่นดิน-รวมใจไทยชาติพัฒนา-กิจสังคม" สลัดขั้ว "นายใหญ่" ใส่พานปรากฏตำนานฝักถั่ว

สอยมะม่วงดิบอย่าง "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ มาบ่มแก๊สขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27

บน ปรัชญา "ประชาธิปัตย์พอเพียง" ผสมผสานกับโมเดล "พี่นี้มีแต่ให้" ของผู้จัดการรัฐบาลอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แม่บ้านประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีในปัจจุบันตั้ง ครม. "มาร์ค 1" แบบมึงมั่งกูมั่ง

แกน นำรัฐบาลคว้ามาได้ครึ่งเข่ง 18 ที่นั่ง อย่างไม่สมศักดิ์ศรี ชนิดไม่มีทางเลือก 18 เก้าอี้ที่เหลือ ก็ต้องเผื่อแผ่ไปตามออเดอร์คุณขอมา

เข้า ตำราไม่แจกก็จบ แต่หากย้อนกลับไปดูในพรรคประชาธิปัตย์ก็เกิดอาการไม่สงบ เพราะผู้จัดการรัฐบาลถูกตบตำแหน่งไปแทบหมดหน้าตัก ลูกหาบที่ตกรถไฟขบวนสุดท้ายก็เลยออกมาทวงสัญญา อาการร้าวลึกก็โผล่ออกมาปรากฏให้เห็น

ถึงขนาดมุบมิบมาใช้ "กระทรวงการต่างประเทศ" เป็นที่แถลงนโยบายรัฐบาลเพราะรัฐสภาถูก "คนเสื้อแดง" ล้อมกรอบ แต่สุดท้าย "รัฐบาลมาร์ค 1" ก็รอด "ตีนตบ" เฉิดฉายเป็นรัฐบาลได้ในที่สุด

ท่ามกลางปรากฏการณ์อารมณ์เปลี่ยนสี

เหลืองแฮงค์-แดงเฮี้ยว!!!

ร่องรอยที่ข้างต้นบ่งบอกถึงสภาพการ เมือง ที่ยังไม่หลุดวงโคจรของเกมต่อรองผลประโยชน์ทางการเมือง อาการทะเลาะเบาะแว้ง ยังดำเนินต่อไป

โฟกัส ไปที่ 6 เดือนแรก เรื่องทุจริตก็บานฉ่ำท้าทาย "กฎเหล็ก 9 ข้อ" ของนายกฯอภิสิทธิ์ นั่นก็คือกรณีปลากระป๋องเน่าของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จนนายวิฑูรย์ นามบุตร เจ้ากระทรวงต้องหลุดจากเก้าอี้

นอกจากนั้น ก็ยังมีโครงการเช่ารถเมล์ เอ็นจีวี 4 พันคัน หรือที่ทั่วไปเรียกกันติดปากว่าเมล์ฉาวของกระทรวงคมนาคม ที่นายเนวิน ชิดชอบ ขาใหญ่แห่งค่ายภูมิใจไทยหมายมั่นปั้นมือ ให้ผ่านโดยหวังผลหลายประการกับโครงการนี้

แม้จะลดล้างสต๊อกมูลค่า โครงการนับครั้งไม่ถ้วนใน ครม. จากแสนกว่าล้าน เซลราคามา 50% เหลือ 6.6 หมื่นล้าน แต่ก็โดนนายอภิสิทธิ์หักเหลี่ยมให้สภาพัฒน์ไปศึกษาว่าจะเช่าหรือซื้อ ลูบคมกันเห็นๆ

ขณะที่ 6 เดือนหลังวิกฤติผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่บานกันไม่หุบข้ามปี นายอภิสิทธิ์เมิน "ซิกพิเศษ" จนนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทนอาการ "เด็กดื้อ" ไม่ไหว ต้องไขก๊อกอำลา

เขยิบมาที่รัฐสภาจากซากเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลนาย อภิสิทธิ์ เมื่อเจอกับอิทธิฤทธิ์ของพรรคฝ่ายค้านที่มองทะลุจุดอ่อน จึงตอกย้ำสถานะรัฐบาลไร้เสถียรภาพ เปิดเกมตีรวนตบหน้าพากันทำองค์ประชุมล่มทุบสถิติ 10 หนในหนึ่งสมัยประชุม เละเทะอวดชาวโลก

และเมื่อไปมองถึงปัญหาความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านที่เครือข่ายนายใหญ่ "ทักษิณ ชินวัตร" เปิดยุทธการโลกล้อมประเทศไทย

ผนึก กำลังกับสมเด็จฮุน เซน นายกฯเขมร ผู้ซึ่งเป็นระดับตำนานโลกรุมถล่ม "เด็กดื้อ" ชื่ออภิสิทธิ์ ก็เล่นเอาเซแซดๆไม่เป็นท่ารู้ราคาละอ่อนการเมือง

อีกทั้ง 6 เดือนนี้ กรณีทุจริตคอรัปชันก็ยังเบ่งบานปากมันกันตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ กินยุบกินยิบ

น่ากังขาสารพัด ไล่ตั้งแต่ชุมชนพอเพียงที่เถียงกันไม่รู้จบ ไหนจะโปรเจกต์ไทยเข้มแข็ง-ต้นกล้าอาชีพ

แม้แต่โครงการไทยสามัคคีไทยเข้มแข็ง เกณฑ์ชาวบ้านมาร้องเพลงชาติตอน 6 โมงเย็น ยังเป็นไปกะเขาด้วย

จุด ตายเหล่านี้เป็นผลทำให้ รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เกิดสภาพง่อนแง่น บวกกับการเมืองนอกสภา พะยี่ห้อ "คนเสื้อแดง" ที่ตั้งหน้าตั้งตาเขย่าบัลลังก์รัฐบาล

ตั้งแต่ล้มประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่เมืองพัทยา ทุบรถไล่ล่านายกฯที่กระทรวงมหาดไทย เปิดสงครามตามรอยยุทธการแดงเดือด

วิกฤติต่อเนื่องลากยาวมาถึงศักราชใหม่ 2553 ปีที่น่าจะได้ ฉายา "เสือลำพอง"

ทีม ข่าวการเมืองไทยรัฐมองว่า สถานการณ์การเมืองแห่งปีเสือลำพองจะเป็นการเมืองที่อยู่ใน "เขาวงกต" จะพบหนทางออก 3 ประตู และมันจะเป็น 3 ประตูที่ตัดสินอนาคตประเทศไทย

ประตูที่ 1 เป็นประตูที่มีการเปิดช่องทางการเจรจากันอย่างจริงจัง ในระดับคีย์แมนผู้คุมเกมอำนาจของประเทศ

หาก เจรจาเป็นผลสำเร็จ "ทักษิณ" จะได้เหยียบแผ่นดินสยามเดินทางกลับประเทศ เพื่อเข้าสู่กระบวนการชำระสะสางคดีความที่คาราคาซังอยู่ เงินก้อนมหึมา 7.6 หมื่นล้านบาท ที่ถูกยื่นเงื่อนไขห้ามยึดมหาสมบัติที่ได้มาก่อนนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ถ้าตกลงตามนี้แดงจะเย็น ทักษิณก็จะยอม

ส่วนประตูที่ 2 ขึงพืดประเทศไทย "ซ้ายเจรจา-ขวาทำลายล้าง"

ประตู สุดท้าย…การเจรจาล่ม การเมืองไทยจะเดินไปสู่จุดจบ สงครามนอกสภาจะถูกขุดขึ้นมาเล่นทุกรูปแบบ รุนแรงและเร่าร้อนเลือดนองแผ่นดิน เพราะไม่มีสงครามใดไม่เสียเลือดเนื้อ!!!

ไคลแมกซ์ของเรื่อง ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐทุบโต๊ะเปรี้ยงว่า มันจะเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคมเป็นต้นไป

แดงก่อหวอดชุมนุมใหญ่ระดมพลมาจากทั่วทุกหัวระแหง แดงทั้งแผ่นดินเปิดยุทธการขับไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ชน

ด้วย "นายใหญ่" จะใช้ฐานบัญชาการ ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา เป็นป้อมค่ายกระจายกองกำลัง 4 จุดใน 4 จังหวัด ระดมทัพแดงไพร่พลเต็มพิกัดเป้าหมายรัฐบาลไม่ล้มไม่เลิก

สอดรับกับพรรคเพื่อไทยจะยื่นซักฟอกรัฐบาลทั้งคณะ นวดกันให้น่วมจุดกระแสตีกลับทุจริตคอรัปชัน ไร้ภาวะผู้นำ บริหารประเทศล้มเหลว

เดิมพันด้วยการยุบสภาสถานเดียว!!!

เมื่อ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนล้มกระดานเพื่อ "เลือกตั้งใหม่" คือเป้าหมายสูงสุดของนายใหญ่และพรรคเพื่อไทย เช็กกระแสกวาดตาดูกระสุนทีมงานทักษิณ…ฟันธง!

หลังเลือกตั้งอย่างเลวที่สุด พรรคเพื่อไทยจะกวาดที่นั่งอย่างต่ำ 230 เสียง และเป็นไปได้สูงที่จะประกาศชัยชนะจัดตั้ง รัฐบาลพรรคเดียว

วิกฤติ ก็จะถูกพลิกให้เป็นโอกาสกลับมากุมทั้งอำนาจการเมืองและอำนาจต่อรอง นั่งบี้สิวรอวัดใจกลุ่มอำนาจพิเศษที่ค้ำถ่อบัลลังก์พรรคประชาธิปัตย์จะเกี้ย เซียะอีท่าไหน

เมื่อถึงบรรทัดนี้ กะพริบตาไม่ได้กับการก้าวเข้ามามีบทบาท การเมืองอีกรอบของ "บิ๊กจิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่มานั่งเป็นประธานพรรคเพื่อไทย

เบื้องหน้า เบื้องหลังอย่างนี้ กลุ่มอำนาจเก่าตั้งแต่พรรคไทยรักไทย-พลังประชาชน รวมทั้ง "แดงแท้" จับไต๋ไม่ยาก… แน่นอน "บิ๊กจิ๋ว" ไม่ใช่ ฉก.รับงานจาก "ทักษิณ" แต่มีออเดอร์ พิเศษมาจากกลุ่มอำมาตย์

ที่รีแบรนด์ดิ้งวาง ตัว "บิ๊กจิ๋ว" ให้มาเป็นโซ่ข้อกลางนำการเมืองไปสู่โมเดล "รัฐบาลแห่งชาติ" โดยอาศัยการขับเคลื่อนของกลุ่มเครือข่ายทหารรุ่นเก๋าอย่าง

พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และกลุ่ม ตท.10 คอยเป่านกหวีดบัญชาการรบตามความถนัดเฉพาะตัว

ลืมเสียมิได้สำหรับชีวประวัติอดีตทหารยังเติร์กอย่าง "เสธ.นูญ" หัวเรี่ยวหัวแรงรวมรุ่นยกกำลัง

กดดันให้ "อินทรีบางเขน" พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ลงจากเก้าอี้นายกฯ แล้วดัน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน

และ วันนี้ในทางลับ พล.ต.มนูญกฤติก็กำลังย้อนยุคกับอดีตที่หวานชื่น แตะมือกับทหารยังเติร์กในกองทัพ ระดับผู้บังคับกองพัน ปัดฝุ่นย้อนยุคไปเหมือนสมัยนายกฯเกรียงศักดิ์ จน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ต้องรีบออกมาสยบอาการแตกแถวของกลุ่มยังเติร์ก

ยังไม่รวมถึง "นักรบดำ" ที่เล่าขานกันมารุ่นต่อรุ่นยก "บิ๊กจิ๋ว" เป็นถึง "บิดาทหารพราน" ซึ่ง "เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ขนมาเป็นการ์ดให้คนเสื้อแดงเมื่อวันรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ขุมข่าย "สีเขียวแกมน้ำเงิน" อีกกลุ่มที่กุมอำนาจอยู่ในกองทัพ แม้ภาพภายนอกยังดูสงบ แต่เมื่อเอกซเรย์ตับไตไส้พุงก็ง่วนอยู่กับการชิงไหวชิงพริบ ชิงจังหวะได้เปรียบจากรอยร้าวในกองทัพ

ละครการเมืองอีกฉาก ที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองกำลังสวมบทผู้กำกับละคร ก็มีพล็อตเรื่องมาจากเรื่องจริงทั้งหมดมีอยู่ว่า

สถานการณ์ บ้านเมืองอยู่ระหว่างเขาควายนี้ ความขัดแย้งภายในประเทศได้ถลำลึกเกินไปแล้ว จึงมีการส่งสัญญาณไปยังผู้ใหญ่ที่มีบารมีทั้งหลายให้แสดงความเป็นกลาง

ให้ต่างคนต่างถอย

จะ เห็นได้จากปรากฏการณ์ 2 องคมนตรี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ออกมาแสดงท่าทีพร้อมจะเปิดอกคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในทุกเรื่อง

สอด คล้องกับข้อมูลว่ามีบุคคลระดับสูงบินไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ถึงนครดูไบ แม้ข้อต่อรองแต่ละฝ่ายยังสูง แต่ถือเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะเปิดฉากเจรจากัน

แต่ดูท่าที ทั้งจากฝ่ายรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ออกมาขวางลำคัดค้านเต็มที่ มีเงื่อนไขพิเศษที่ต้องการให้ฝ่ายตัวเองกุมความได้เปรียบสูงสุดก่อน

มีการเดินเกมจากฝ่ายประชาธิปัตย์ เจรจาต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้จับมือมัดข้าวต้มยืดอายุรัฐบาลไปให้ถึงเดือนตุลาคม

ด้วย เงื่อนไขเดียวคือ ต้องการจัดระเบียบส่วนหัวของกองทัพใหม่ แทน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ถูกมองว่าเป็นสีน้ำเงินเต็มตัว โดยคนมาแทนมีเพียงหนึ่งเดียว คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ.

เมื่อเกมเดินตามสูตรนี้ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯ จะมีตัวแปรสำคัญที่ทำให้ฝ่ายตัวเองเป็นผู้คุมเกมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ไม่ ว่าจะถูกเกมการเมือง ทั้งในสภาและนอกสภา บีบให้ยุบสภาล้างไพ่กันใหม่ ก็ไม่มีปัญหา เพราะคนที่กุมปลายกระบอกปืนร้องเพลงเดียวกันแล้ว

บวก กับเสบียงกรังสำหรับสู้ศึกเลือกตั้ง ที่ชักเปอร์เซ็นต์มาจากงบฯปกติ ปี 53 และเงินนอกงบประมาณ จึงเป็นการอัดแน่นไปด้วยพลังอำนาจ และกระสุนดินดำชั้นดี

เกม "ลับ ลวง พราง 2"

เพราะ ตอนนี้ขั้วอำนาจพิเศษได้เปลี่ยนเกมเล่น จากบทเดิมการเมืองนอกสภา มาสู่การเมืองในสภา ที่มีพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ เป็นหมากเดิน

จะ อย่างไรก็ตาม บทแห่งละครการเมืองจะถูกประพันธ์ให้ดูเลิศหรูอย่างไร ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐก็ยังขอบอกว่า ศักราช 2553 จะเป็นเด๊ดล็อกการเมือง สถานการณ์จะรู้ดำรู้แดง

ฝ่ายค้าน-ทักษิณ-เสื้อแดงจะทำทุกรูปแบบเพื่อ น็อก "รัฐบาลอภิสิทธิ์" บีบจนหน้าเขียว เพื่อให้เลือกอนาคตทางการเมือง ไม่ลาออกก็ต้องยุบสภา

นวดกันจนน่วมแล้วทุบให้หมดสภาพ หมดสิทธิบริหารประเทศ ไร้ความชอบธรรมจนฝ่ายที่ค้ำบัลลังก์ประชาธิปัตย์รับสภาพเด็กปั้นไม่ได้

สุดท้ายจะเกิดสุญญากาศ พรรคร่วมรัฐบาลสวิงขั้ว พลิกมาหนุนพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลอีกรอบโหวตคว่ำนายอภิสิทธิ์ตกเก้าอี้กลางสภา

พรรคเพื่อไทยตอนนี้จึงง่วนอยู่กับการแต่งองค์ทรงเครื่อง ว่าที่ "นายกรัฐมนตรี" ตามคุณสมบัติรัฐธรรมนูญต้องเป็น ส.ส.เท่านั้น

ชื่อแรก พล.อ.ชวลิต

2 ส.ส.นครพนมพร้อมลาออกให้ "บิ๊กจิ๋ว" ลงเลือกตั้ง

แต่ หากพลิกล็อกมีชื่อที่ 2 เตรียมไว้ "อินทรีอีสาน" พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อแผ่นดิน พร้อมเปิดหวอมานั่งรอแต่ไก่โห่

แต่เซียนอย่างประชาธิปัตย์พรรคเก่าแก่แค่มองตาก็รู้ใจ การเมืองแบบไทยๆไม่มีทางตัน คงดันทุรังยุบสภาวัดดวง

ที่ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เรื่องอะไรจะใส่พานประกาศลาออกกลางสภา

กลับ ไปลุ้นกันใหม่ในสนามเลือกตั้ง ดีกว่ามานั่งเกาคางอยู่ข้างบ่อน เพราะโดนปฏิวัติ แต่เลือกตั้งใหม่ก็แค่ต่อลมหายใจไฟยังคงสุมขอนรอวันปะทุ

ทัพเหลือง-ทัพแดงต่างรอเลือกข้าง หนีไม่พ้นมวลชนปะทะมวลชน

นำไปสู่วิกฤติซ้ำซากจนเกิด "กลียุค" ครั้งใหญ่.

"ทีมการเมือง"

http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/56365

Posted via email from Poomjit’s posterous

Moui

Just say.

More Posts - Website

Follow Me:
TwitterFacebookPinterest