๏ ประนมหัตถ์นมัสการขึ้นเหนือเศียร | ||
ต่างประทีปโกสุมปทุมเทียน อันเป็นมิ่งโมลีสี่ทวีป ก็ล่วงลับดับไกลนัยนา ฉันชื่อภู่ผู้ประดิษฐ์คิดสนอง ให้ประเสริฐเลิศล้ำด้วยคำคม ๏ ขอเจริญเรื่องตำรับฉบับสอน ๏ จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน ๏ ประการหนึ่งซึ่งจะเดินดำเนินนาด |
จำนงเนียรนบบาทพระศาสดา ดังประทีปส่องทั่วทุกทิศา สู่มหาห้องนิพพานสำราญรมย์ ขอประคองคุณใส่ไว้เหนือผม โดยอารมณ์ดำริรักชักภิปราย ชาวประชาราษฎรสิ้นทั้งหลาย ให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ศรี ค่อยเยื้องยาตรยกย่องไปกลางสนาม |
|
๏ อันที่จริงหญิงชายย่อมหมายรัก แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์ ดังพฤกษาต้องวายุพัดโบก จงยับยั้งช่างใจเสียให้ดี อันตัวนางเปรียบอย่างปทุเมศ หอมผกาเกสรขจรขจาย ครั้นได้ชมสมจิตพิศวาส ไม่อยู่เฝ้าเคล้ารสเที่ยวจดลอง แม้นชายใดหมายประสงค์มาหลงรัก อันความรักของชายนี้หลายชั้น จงพินิจพิศดูให้รู้แน่ เปรียบเหมือนคิดปริศนาอย่าไว้ใจ อันแม่สื่ออย่าได้ถือเป็นบรรทัด แต่ล้วนดีมีบุญลูกขุนนาง อันร้ายดีมิได้เห็นเป็นแต่ว่า เหมือนเขาหลอกบอกลาภถึงเมืองไกล ทางไกลตาอุปมาเหมือนเสียเนตร เขาจะนำไปตายก็ตายพลัน อันแม่สื่อคือปีศาจที่อาจหาญ อย่าเชื่อนักมักตับก็คับโครง อันความชั่วอยู่ที่ตัวของเราหมด จงฟังหูไว้หูกับผู้คน ๏ คิดถึงตัวหาผัวนี้หายาก |
มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี เขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่ เหมือนจามรีรู้จักรักษากาย พึ่งประเวศผุดพ้นชลสาย มิได้วายภุมรินถวิลปอง ก็นิราศแรมจรัลผันผยอง ดูทำนองใจชายก็คล้ายกัน ให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น เขาว่ารักรักนั้นประการใด อย่าทำแต่ใจเร็วจะเหลวไหล มันมักไพล่เพลงขุมเป็นหลุมพลาง สารพัดเขาจะพูดนี้สุดอย่าง มาอวดอ้างให้อนงค์หลงอาลัย จะคาดหน้าแน่ลงที่ตรงไหน อย่าควรให้ตามคำเขารำพัน สุดสังเกตเท็จจริงทุกสิ่งสรรพ์ คนทุกวันเชื่อมันยากปากมันโกง ใครบนบานเข้าสักหน่อยก็พลอยโผง มันชักโยงอยากกินแต่สินบน ต้องกำสรดโศกร้างอยู่กลางหน สืบยุบลเสียให้แน่อย่าแร่ไป มันชั่วมากนะอนงค์อย่าหลงไหล |
๏ เป็นสตรีสุดดีแต่เพียงผัว ลงจนสองสามจืดไม่ยืดยาว ถ้าคนดีมิได้ช้ำระยำยับ คงมีผู้ชูช่วยประคับประคอง ถ้าแม้นตัวชั่วช้ำระยำแล้ว เหมือนทองแดงแฝงเฝ้าเป็นราคี จงรักตัวอย่าให้มัวราคีหมอง อย่าเอาผิดมาเป็นชอบประกอบใจ แม้นรู้จักรักร่างเป็นอย่างยิ่ง จงกำหนดอุตส่าห์รักษาทรง อันคำคมลมบุรุษนั้นสุดกล้า จงระวังตั้งมั่นในสันดาน เขารักจริงให้สู่ขอกับพ่อแม่ เขาไม่เลี้ยงไล่ขับจะอับอาย ข้างพ่อแม่ก็จะโกรธพิโรธร่ำ ด้วยท่านอายขายหน้าประชาชน ถ้าปะว่าแม่พ่อใจคอร้าย แม้นชายจนคนขัดพลัดเข้าตัว จะขึ้งโกรธโทษผู้ใหญ่ว่าไม่รัก ชั้นพ่อแม่ของตัวไม่กลัวเกรง ท่านเลี้ยงมาจะให้เป็นหอห้อง ครั้นลูกตัวชั่วถ่อยน้อยอารมณ์ แม้นลูกดีก็จะมีศรีสง่า ถึงเพื่อนบ้านฐานถิ่นที่ใกล้ไกล |
จะดีชั่วก็ยังกำลังสาว จะกลับหลังอย่างสาวสิเต็มตรอง ถึงขัดสนจนทรัพย์ไม่เศร้าหมอง เปรียบเหมือนทองธรรมดาราคามี จะปัดแผ้วถางฝืนไม่คืนที่ ยากจะมีผู้ประสงค์จำนงใน ถือทำนองแบบโบราณท่านขานไข จงอยู่ในโอวาทญาติวงศ์ จะเพริศพริ้งสมสวาทเป็นราชหงส์ อย่าลุ่มหลงด้วยอุบายของชายพาล เขาย่อมว่ารสลิ้นนี้กินหวาน อย่าลนลานหลงละเลิงด้วยเชิงชาย อย่าวิ่งแร่หลงงามไปตามง่าย ต้องเป็นม่ายอยู่กับบ้านประจานตน จะจองจำตีโบยออกโหยหน ไม่รักตนเราจึงต้องมาหมองมัว กลับซื้อขายคิดเอากับเจ้าผัว เราทำชั่วก็ต้องขายกายเราเอง เพราะเราคิดผิดนักไม่เหมาะเหม็ง ใจตัวเองพาหลงไปลงตม หมายจะกองทุนสินกินขนม จึงตรอมตรมโกรธบุตรนี้สุดใจ ญาติวงศ์พงศาก็ผ่องใส ก็มีใจสรรเสริญเจริญพร |
๏ จงรักนวลสงวนนามห้ามใจไว้ คิดถึงหน้าบิดาและมารดร เมื่อสุกงอมหอมหวนจึงควรหล่น อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี อย่าคิดเลยคู่เชยคงหาได้ อย่าเกียจคร้านงานสตรีจงนิยม ถ้าแม้นทำสิ่งใดให้ตลอด เขม้นขะมักรักงานการของตน เมื่อเหนื่อยอ่อนนอนหลับอยู่กับบ้าน อะไรฉาวกราวเกรียวอย่าเหลียวแล ระวังดูเรือนเหย้าแลข้าวของ เห็นไม่มีแล้วอย่าอ้างว่าช่างมัน มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร ถ้าเราดีมีจิตคิดอุปถัมถ์ จะปรากฎยศยิ่งสิ่งทั้งปวง เทพไทในห้องสิบหกชั้น ว่าสตรีนี้เป็นยอดยุพาพาล ๏ ที่บางนางนั้นก็ทำทุจริต |
อย่าหลงใหลจำคำที่ร่ำสอน อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่ เมื่อบุญมีคงจะมาอย่างปรารมภ์ อุตส่าห์ทำลำไพ่เก็บประสม จะอุดมสินทรัพย์ไม่อับจน อย่าทิ้งทอดเที่ยวไปไม่ได้ผล อย่าซุกซนคบเพื่อนไพล่เชือนแช อย่าเที่ยวพล่านพูดพลอประจ๋อประแจ๋ ฟังให้แน่เนื้อความค่อยถามกัน จะบกพร่องอะไรที่ไหนนั่น จงผ่อนผันเก็บเล็มให้เต็มลง อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดระทดใจ ได้การุณเลี้ยงรักษามาจนใหญ่ หมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง กุศลล้ำเลิศเท่าภูเขาหลวง กว่าจะล่วงลุถึงซึ่งพิมาน จะชวนกันสรรเสริญเจริญสาร ได้เลี้ยงท่านชนกชนนี มิได้คิดคุณท่านเท่าเกศี |
๏ จะสอนใจไว้ทุกสิ่งเป็นหญิงสาว ให้ผันผ่อนเหมือนหนึ่งนอนในห่วงรุม อย่าทำนอกลักษณะจะเป็นโทษ ถึงจะรักรักให้ยืดอย่าจืดจาง จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู แม้จะเรียนวิชาทางค้าขาย จึงซื้อง่ายขายดีมีกำไร เป็นมนุษย์สุดนิยมเพียงลมปาก แม้นพูดดีมีคนเขาเมตตา ถึงชายใดเขาพอใจมาพูดเกี้ยว เมื่อไม่ชอบก็อย่าตอบเนื้อความตาม ถึงจะไปในพิภพให้จบทั่ว จงอุตส่าห์ปกปิดให้มิดเม้น เมื่อจะจรนอนเดินดำเนินนั่ง อย่าเหม่อเมินเดินให้ดีมีอาฌา เห็นผู้ใหญ่หรือใครเขานั่งแน่น ค่อยวอนว่าข้าขอจรดล แม้นสมรจะไปนอนที่เรือนไหน ใครเห็นเข้าเขาจะเล่านินทานาง ถ้าจะนั่งก็นั่งระวังผ้า ยามสำรวลก็อย่าสรวลให้เมามัว เมื่อยามยิ้มก็ยิ้มไว้แต่ในพักตร์ อย่าเท้าแขนเท้าคางให้ห่างกาย จะแต่งตัวก็อย่ามัวแต่การแต่ง ใช่บ้านนอกขอกนามาแต่เยิง |
ให้พ้นคาวข่าวชั่วมามั่วสุม จงสุขุมคิดแบ่งให้เบาบาง ตัดประโยชน์พี่น้องเขาหมองหมาง จะไว้วางกริยาให้น่าดู อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ อย่าปากร้ายพูดจาอัชฌาสัย ด้วยเขาไม่เคืองจิตระอิดระอา จะได้ยากโหยหิวเพราะชิวหา จะพูดจาจงพิเคราะห์ให้เหมาะความ อย่าโกรธเกรี้ยวโกรธาว่าหยาบหยาม มันจะลามเล่นเลยเหมือนเคยเป็น แต่ความชั่วอย่าให้ผู้ใดเห็น จึงจะเป็นคนดีมีปัญญา จงระวังในจิตขนิษฐา แม้นพลั้งพลาดบาทาจะอายคน อย่าไกวแขนปัดเช่นไม่เห็นหน นั่นแหละคนจึงจะมีปรานีนาง อย่าหลับไหลลืมกายจนสายสาง ความกระจ่างออกกระจายเพราะกายตัว ไม่อาฌาเขาจะพากันยิ้มหัว แม้นจะหัวหัวร่อพอสบาย อย่ายิ้มนักเสียสง่าพาสลาย อย่ากรีดกรายกรอมเพลาะเที่ยวเราะเริง อย่าทาแป้งจับกระเหม่าเข้าจนเหลิง ทำเซาะเซิงเขาจะโห่วิ่งโร่ไป |
๏เมื่อยามตรุษยามสงกรานต์มีงานหลวง ครั้นสิ้นเขตเทศกาลทำงานไป เมื่อไปเป็นชาววังจึงนั่งแต่ง ด้วยสำราญการอะไรนั้นไม่มี อยู่สถานบ้านช่องนั้นต้องคิด เผื่อมีผัวพลเรือนเหมือนกันนา รู้วิชาก็ให้รู้เป็นครูเขา มีข้าไทใช้สอยค่อยสบาย การวิชาหาประดับสำหรับร่าง การมิดีมีชั่วมันกลัวเกรง คิดแต่ยากแต่จนเร่งขนขวาย พออิ่มเช้าอิ่มเย็นไม่เป็นไร ค่อยเสงี่ยมเจียมตนจนเสียก่อน อย่าเป้อเย้อพกใหญ่ออกให้เกิน อย่าอวดดีมีทรัพย์เที่ยวจับแจก ใครจะช่วยตัวเราก็เปล่าดาย เห็นผู้ดีมีทรัพย์ประดับแต่ง ของตัวน้อยก็จะถอยไปทุกวัน จงนุ่งเจียมห่มเจียมเสงี่ยมหงิม อย่านุ่งลายกรายกรุยทำฉุยไป |
แต่งให้งามตามกระทรวงหาว่าไม่ อย่าร่ำไรผัดหน้าทั้งตาปี แต่พอแจ้งเข้าก็จับกระจกหวี จะหาคู่ดูแต่ที่เจ้าพระยา ให้รู้กิจการหญิงทุกสิ่งสา จะได้หาเลี้ยงกันจนวันตาย จึงจะเบาแรงตนเร่งขวนขวาย ตัวเป็นนายโง่เง่าบ่าวไม่เกรง อย่าเอาอย่างหญิงโกงมันโฉงเฉง อย่าครื้นเครงขับร้องคะนองใจ อย่าให้กายตกยากลำบากได้ อย่าพอใจเชื่อช้ำเขาก้ำเกิน ค่อยผันผ่อนทีหลังเขาสรรเสริญ ละเมิดเมินหมิ่นนักมักจะอาย ทำเกี่ยวแฝกมุงป่าพาฉิบหาย อย่ามักง่ายเงินทองของสำคัญ อย่าทำแข่งวาสนากระยาหงัน เหมือนตัดบั่นต้นทุนสูญกำไร อย่ากระหยิ่มยศถาอัชฌาสัย ตัวมิใช่ชาววังไม่บังควร |
๏ อย่าคบพวกหญิงพาลสันดานชั่ว สุริย์ฉายบ่ายคล้อยเที่ยวลอยนวล พอรุ่งเช้าเฝ้าแต่มองส่องเกศี ตรงการงานขี้คร้านเป็นกังวล ครั้นได้ยินเสียงกลองมาก้องหู วันนี้มีละครใครที่ไหนมา นั่งพินิจพิศโฉมประโลมหลง บ้างก็เห็นว่างามเลยตามไป บ้างก็รักข้างนักเลงเล่นเครงครื้น ห่มเพลาะดำทำปลอมออกกรอมกาย ครั้นไปไปใจแตกลงแหกคอก ควาญหมอรอไม่ติดเห็นผิดเชิง ใครจะห้ามปรามไว้ก็ไม่ฟัง ถือว่าตนเปรื่องฉลาดปราชญ์ประเปรียว พูดก็มากปากก็บอนแสนงอนนัก เที่ยวรอนราญจนเพื่อนบ้านเขาระอา ที่ส่วนตัวถึงจะชั่วออกล้นพ้น ไม่ทำมาหากินจนสิ้นแกน หญิงเช่นนี้เห็นไม่มีเจริญแล้ว ลงสูบฝิ่นกินเหล้าอยู่เมามาย มือก็ไวใจก็กล้าหน้าก็ด้าน แต่ผ้าขาดก็ไม่ปรารถนาเย็บ อันการเหย้าไม่เอาเป็นธุระ คบกันได้แต่นิสัยพวกแชเชือน ชั้นจะยืมของใครเขาไม่เชื่อ ปากก็หวานเหมือนน้ำตาลเพชรบุรี แม้นใครไปสมทบเข้าคบค้า มีแต่ภัยให้ระยำทุกค่ำคืน หญิงไม่ดีนั้นก็มีอยู่หลายพวก ที่คนดีจะได้ดูให้รู้ครบ |
ที่แต่งตัวไว้จริตผิดกระสวน เป็นเชิงชวนพวกเจ้าชู้เขารู้กล ให้เวียนหวีได้วันละพันหน แต่งแต่ตนมิได้เว้นสักเวลา ยังไม่รู้เนื้อความเที่ยวถามหา แม้นรู้ว่าเจ้ากรับเต้นหรับไป ดูจนปลงกรรมฐานเหงื่อกาฬไหล ช่างกระไรหนอขนิษฐ์ไม่คิดอาย เที่ยวกลางคืนคบเพื่อนเดือนหงายหงาย พวกผู้ชายชักพาเที่ยวร่าเริง ปะแตกปลอกต้ำผางวางจนเหลิง จะเปิดเปิงเข้าป่าไปท่าเดียว ทำส่งเสียงเถียงดังให้กราดเกรี้ยว ประจบเที่ยวรู้จักทุกพักตรา เห็นเขารักกันไม่ได้ใจอิจฉา นั่งที่ไหนให้นินทาเขาเป็นแดน สู้ปิดปากยกตนนี่สุดแสน ก็เลยแล่นเข้าบ่อนนอนสบาย ให้แว่วแว่วอยู่ข้างทางฉิบหาย ไม่เสียดายอินทรีย์เท่าขี้เล็บ จะเอาขวานไปถากไม่อยากเจ็บ ขี้เกียจเก็บพลัดวางได้กลางเรือน คิดแต่จะเที่ยวตลบไปคบเพื่อน จะคบคนพลเรือนก็เต็มที ด้วยตัวเหลือโป้ปดสบถถี่ ข้าวของมีให้ไปไม่ได้คืน จนชั้นผ้าไม่ติดตัวแต่สักผืน ใครจะชื่นชมชิดไปคิดคบ จำจะบวกบอกใส่เสียให้จบ หล่อนจะได้ไม่คบพวกคนพาล |
๏ หญิงพวกหนึ่งนั้นขันทำปั้นเจ๋อ ไม่เจียมจนเลยว่าตนต่ำสันดาน ล้วนคุณลุงคุณปู่อยู่ทุกแห่ง พวกผู้ดีไม่นึกตรึกเจรจา ช่างพูดได้ไม่อายแก่ปลายลิ้น ถึงพูดไปใครเขาจะเห็นจริง ถึงจะอวดอ้างไปที่ไหนนั่น ถ้าสันดานการผู้ดีคงมีรอย อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้เกินศักดิ์ เปรียบเหมือนเกลือเจือปนกับชลธี ที่บางคนจนยากไม่อยากทุกข์ อุตส่าห์แต่งแป้งขมิ้นไม่สิ้นคราว ทำไมแก่เงินทองของทั้งหลาย ถือว่ารูปกูงามไม่คร้ามจน สุภาษิตท่านประดิษฐ์ประดับไว้ ถึงเป็นองค์สุริย์วงศ์พระจักรี ทุกวันนี้มีทรัพย์เขานับหน้า ถึงงามพักตร์เขาจะรักเจ้าเพียงไร |
เฝ้าเป้อเย้อหยิ่งเกินกับภูมิฐาน เห็นที่ท่านเป็นขุนนางอ้างเข้ามา เที่ยวแอบแฝงพิงพาดวาสนา เป็นพี่น้องร่วมฟ้านั้นเห็นจริง เป็นคนสิ้นความคิดผิดผู้หญิง เขาว่าหยิ่งยกยศเหมือนมดตะนอย เขารู้ทันอยู่ว่าเช่นเจ้าเป็นหอย ไม่กล่าวถ้อยเขาก็รู้ว่าผู้ดี เขาจะมักเหม็นปากเหมือนซากผี มันก็มีแต่จะจืดไม่ยืดยาว ถือว่าสุขอยู่แก่ตาข้าเป็นสาว ไม่สร้อยเศร้าสู้ตาประชาชน เห็นหาง่ายสารพัดไม่ขัดสน ลงแต่งตนขายกินจนสิ้นดี ว่าผู้ใดงามพักตร์สมศักดิ์ศรี แม้นไม่มีสินทรัพย์ก็ลับไป อย่าถือว่าตนงามตามวิสัย เขาคาดใจเสียว่าเจ้าขี้เกียจการ |
๏ ที่บางคนเห็นที่ท่านมีทรัพย์ ประกอบผูกลูกสะกดสร้อยสังวาลย์ เจ้าคนจนมันให้ร่ำจะทำบ้าง แต่ตัวจนอ้นอั้นตันในคอ หาทองแท้แก้ไขมันไม่คล่อง แต่ล้วนเนื้อสิบน้ำทองคำทวาย แพงไม่เบาเขายังกล้าอุตส่าห์ซื้อ ถึงจนยากอยากบำรุงให้รุ่งเรือง ก็สาสมกับอารมณ์ไม่เจียมศักดิ์ ผู้ดีว่าแล้วขี้ข้าก็พลอยตาม เขาจึงว่าหน้าสดปรากฎอยู่ เมื่อน้ำตื้นขืนจะพายไปฝ่ายเดียว เหมือนหิ่งห้อยน้อยสีหรี่หรุบรู่ เห็นไม่ถึงดอกอย่าโกยไปโดยแรง ๏ ยังมีพวกหนึ่งนั้นขยันยิ่ง เที่ยวยักย้ายร่ายชมภิรมย์รส จะรักไหนก็ไม่รักสมัครมั่น ชู้ต่อชู้รู้เรื่องเคืองระคาง เพราะนารีมิได้ตรงจำนงหมาย เหมือนพวกนางโมราวิลาวัณย์ โอ้ใจนางอย่างนี้ก็มีมั่ง เพราะนิสัยใจขนิษฐ์เล่นปลิดโยน ต่างคนต่างก็เชือนออกเบือนเบื่อ อันผัวดีที่จะได้อย่าหมายเลย |
แต่งประดับผิวพรรณในสัณฐาน แลละลานล้วนสุวรรณอันลออ เอาเยี่ยงอย่างอยากได้น้ำลายสอ ลงเที่ยวผลอไพล่เผลเพทุบาย ต้องเอาทองเสาชิงช้าน่าใจหาย สายสร้อยสายหนึ่งก็ถึงสลึงเฟื้อง ผูกข้อมือแลงามอร่ามเหลือง จนทองเหลืองไม่ละจะกละงาม ทรลักษณ์เหลือตัวชั่วส่ำสาม ไม่มีความอายจิตสักนิดเดียว สมกับผู้ที่ไม่ตรึกนึกเฉลียว ไม่ถึงเลี้ยวก็จะล่มไปจมแปลง จะแข่งสู้สุริยาอันกล้าแข็ง เขาจะแสร้งสรวลว่าเป็นบ้ายศ เป็นผู้หญิงสองใจไม่กำหนด ใครมาจดโผจับรับตะกาง เล่นประชันเชิงลองทั้งสองข้าง ก็ขัดขวางหึงสาจะฆ่าฟัน ทำให้ชายเคืองแค้นแสนกระสัน ยื่นพระขรรค์ผัวให้กับไอ้โจร จนลือดังข่าวก้องดังกลองโขน จนมาโดนกันกระดากไม่อยากเชย ต้องเป็นเรือขึ้นคานอยู่เฉยเฉย ด้วยมากเชยหลายชู้เขารู้กล |
๏ บ้างลอบเล่นเพลงยาวเมื่อคราวขัด ที่ไม่สู้รู้กลอนยังร้อนรน บ้างก็เล่นปริศนาเที่ยวหาของ ครั้นห่อเสร็จส่งให้กับชายชาญ ครั้นคิดคิดปริศนานั้นช้าเนิ่น ทำดื้อด้านหาญหักไม่รักงาม ชนิดนางอย่างนี้มีชุมนัก ต้องกินยาเข้าสุราพริกไทยปน รักสนุกครั้นได้ทุกข์แล้วถอยคิด เทพเจ้าท่านไม่เข้าด้วยคนร้าย ครั้นคิดล้างอย่างไรก็ไม่สูญ ทำอย่างไรมันก็ไม่มรณา ถ้ารู้ถึงพ่อแม่ต้องแก้ไข แล้วหาผัวตัวประจำเป็นสำเนา ที่ชายโหดโฉดเขลาเข้าไปรับ ดังแผ่นดินสิ้นหญ้าสุธาแพลง ไม่คิดอายขายหน้านิจจาเอ๋ย ลูกของเขาเอาเป็นสิทธิ์เฝ้าชิดเชื้อ เหมือนเช่นเราเขาจะให้ก็ไม่รัก ถึงรูปร่างอย่างยุพินกินรี เป็นขนิษฐ์ชอบแต่คิดให้เป็นหนึ่ง เอ่ยว่ารักแล้วให้ได้ร่วมเรียง ท่านเปรียบมาเหมือนหนึ่งตราราชสีห์ เป็นอนงค์แล้วก็คงจะเป็นเมีย ที่เกิดมาเป็นนารีไม่มีค่า เหมือนกรวดทรายปรายเล่นไม่เว้นวาง เมื่อไม่ถือตราภูมิไว้คุ้มห้าม แม้นรู้จักรักษาถือตราไว้ อย่าจับปลาสองหัตถ์จะพลัดพลาด จึงนับว่าคนดีไม่มีมัว เป็นผู้หญิงสิ่งใดจะล้ำเลิศ ถึงรูปทรงนงคราญจะพาลคลาย ๏ บ้างมีผัวตัวอยู่เป็นคู่ชื่น |
ฝีปากจัดตอบต่อข้อนุสนธิ์ เที่ยววานคนแต่งให้พอได้การ ให้ถูกต้องตามอารมณ์ประสมประสาน บอกอาการเรื่องรักประจักษ์ความ ชวนกันเดินหลีกออกนอกสนาม จนเลยลามลืมบ้านสถานตน เป็นโรครักเกิดมารศีรษะขน หมายประจญจะให้ดับที่อับอาย จะปกปิดเปลวไฟไม่เห็นหาย คงก่อกายขึ้นให้เห็นไว้เป็นตรา ก็อาดูรพูนเกิดสหัสสา เป็นเวราบาปนั้นไม่บรรเทา เอาลูกไปมุ่งหมกยกให้เขา พอปัดเป่าความอายให้หายแคลง มันช่างหลับตาสนิทไม่คิดแหนง มาแอบแฝงเอามันเป็นว่านเครือ เหมือนไม่เคยพบปะจะกละเหลือ นึกว่าเนื้อบุญธรรมกรรมไม่มี มันขายพักตร์สารพัดจะบัดสี แต่เช่นนี้แล้วไม่ปองประคองเคียง ไม่ควรถึงอย่าให้ถึงกับปากเสียง เป็นคู่เคียงของตัวว่าผัวเมีย ไม่พอที่เสียนวลไม่ควรเสีย ย่อมมีเบี้ยปรับไหมวิสัยนาง จะเกิดมาทำไมให้หมองหมาง จะเอาอย่างนางโมราหรือว่าไป คนจึงลามเลยลวนมากวนได้ จะคุ้มภัยให้พ้นมีคนกลัว จับให้คงลงให้ขาดว่าเป็นผัว ถ้าชายชั่วร้างไปมิใช่ชาย สุดประเสริฐก็แต่ใจไม่เสื่อมสลาย ก็จะกลายส่งสวยด้วยใจงาม ยังหาอื่นเข้าประคองเป็นสองสาม |
๏ เป็นสตรีมิใช่ชายเสียดายศักดิ์ อันความดีมีอยู่ดูจำไว้ จะมีคู่ก็ให้รู้ปรนนิบัติ อย่าคิดร้ายย้ายแยกทำแปลกปลอม อย่าคบชู้สู่สมนิยมหวัง เขารักหลอกหยอกเล่นดอกเช่นนี้ ธุระอะไรจะให้มันเสียของ เพราะเชื่อใจภรรยายิ่งกว่าเกลอ จะมีจิตพิศวาสไม่คลาดเคลื่อน แม้นนอกจิตคิดร้ายหมายประจญ จงกันภัยในเล่ห์เสน่หา เอาความสัตย์ตัดตั้งปฏิญาณ จงซื่อต่อภัสดาสวามี อย่าให้มีราคินที่กินใจ ถึงที่สุดทดลองก็ทองแท้ หญิงเดี๋ยวนี้แม้นมีสัตยา ๏ แม้นเขารักแล้วอย่าดื้อทำถือจิต |
จะปลูกรักเรรวนหาควรไม่ อย่าพอใจรักชั่วให้มัวมอม จงซื่อสัตย์สุจริตคิดถนอม มโนน้อมเสน่หาต่อสามี ไม่จีรังกาลดอกบอกโฉมศรี ถ้าแม้นมีข้าวของต้องบำเรอ อันเงินทองผัวสิทำสน่ำเสนอ ควรบำเรอลูกผัวของตัวตน เพราะแม่เรือนร่วมใจจึงได้ผล จะพาตนยากยับอัประมาณ อย่าให้มาปนปะจงประหาร ถึงเกิดการยากเข็ญไม่เป็นไร จนชีวีศรีสวัสดิ์เจ้าตัดษัย อุปไมยเหมือนอนงค์องค์สีดา ด้วยนางแน่อยู่ในสัจอธิษฐาน์ ภัสดาก็ยิ่งรักขึ้นหนักครัน เร่งเกรงผิดกลัวใจใหญ่มหันต์ |
๏ ถ้าผัวทำราชการพระผ่านเกล้า ทั้งล่วมปัดจัดแจงแต่งให้ดี อุตส่าห์ทำบำเรอเสนอสนอง ปรนนิบัติภัสดาอย่าราคิน ๏ เกิดเป็นหญิงให้เห็นว่าเป็นหญิง ๏ แม้นพิโรธโกรธขึ้งกับภัสดา ๏ บางนารีที่เป็นนางใจร้ายกาจ ๑___สุภาษิตซึ่งประดิษฐ์มาไว้นี้ |
เคยเข้าเฝ้าสู่วังนรังศรี หมากบุหรี่หาใส่ให้ไปกิน ตามทำนองมิ่งมิตรเป็นนิจสิน จึงจะภิญโญยศปรากฎไป อย่าทอดทิ้งกริยาอัชฌาสัย อย่านินทาว่าผัวตัวลับหลัง หมิ่นประมาททุ่มเถียงส่งเสียงแข็ง ล้วนแต่มีเยี่ยงอย่างดังเสกสรร |
ขอบคุณ…. http://www.rayongzone.com/soontornpoo/supasit1.php3
http://www.st.ac.th/bhatips/tip48/student48/supasit_teach_women.html
You must be logged in to post a comment.